Sharp Earth ภาษาไทย
The loopless variant of Sharp Earth Thai, crafted by Cadson Demak under the leadership of senior type designer Knaz Uiyamathiti, stands as a bold interpretation of Sharp Earth's essence, blending austerity with warmth. Rooted in a year-long project that commenced in late 2021, the design journey of Sharp Earth Thai was marked by an experimental approach, leveraging insights from the era of dry transfer typography and the striking ways Thai and Latin letterforms were set together during this time."
แก่นโลกชั้นในเป็นลูกเหล็กร้อนทรงกลมที่มีส่วนผสมของนิกเกิล มีความหนาแน่น และแข็ง ประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิล เทียบเคียงจากอุกกาบาตเนื้อเหล็กที่ประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็ก และนิกเกิลซึ่งเคยตกลงมาบนโลก ตรงรอยต่อระหว่างแก่นโลกชั้นนอกที่เป็นโลหะหลอมเหลวกับผิวของแก่นโลกชั้นใน ที่แข็งกว่ามีอุณหภูมิที่ร้อนแรงเทียบเท่าพื้นผิวด้านนอกของดวงอาทิตย์ ความร้อน ภายในแก่นโลกมาจากการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี ซึ่งโลกได้รับในปริมาณมหาศาลขณะเริ่มก่อตัวขึ้นจากเศษหิน และฝุ่นในห้วงอวกาศเมื่อหลายพันล้านปีก่อน For an organism to be fossilized, the remains usually need to be covered by sediment soon after death. Sediment can include the sandy seafloor, lava, and even sticky tar. Over time, minerals in the sediment seep into the remains. The remains becomefossilized. Fossilization usually occur in organisms with hard, bony body parts, such as skeletons, teeth, or shells. Soft-bodied organisms, such as worms, are rarelyfossilized. Sometimes, however, the sticky resin of a tree can become fossilized.
กำมะถัน คือ ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนในพืชและสัตว์ เราจะได้กำมะถันจากการสลายตัวของ สารอินทรีย์ที่ทับถมอยู่ในดิน จากการระเบิดของภูเขาไฟและในบรรยากาศ ปกติจะเป็นของแข็งสีเหลืองที่เป็นผลึกในธรรมชาติ สามารถพบได้ในรูปของธาตุซัลเฟอร์เองหรือแร่ซัลไฟด์และซัลเฟต สารซัลเฟอร์มีกลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่า ในกรณีของสถานที่ที่เป็นน้ำอย่างหนองน้ำ หรือท่อระบายน้ำที่มีการหมักหมมจะม แบคทีเรียย่อยสลายซัลเฟอร์ในสภาวะขาดออกซิเจน จะเกิดเป็นแก๊สไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ซึ่งมีความเป็นพิษ นอกจากนี้เป็นธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช ซึ่งจะมีผลต่อทั้งคุณภาพ และปริมาณผลผลิต กำมะถันจัดอยู่ในกลุ่มธาตุอาหารรองลงมาจากธาตุอาหารหลักคือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ไอน้ำที่แทรกซึมขึ้นมาจากเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึ้น เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ฝนในยุคแรก ตกลงมาไม่ทันถึงพื้นก็ระเหยกลับเป็นไอน้ำไปหมด เนื่องจากพื้นโลกยังมีความร้อนสูงมาก กระทั่งโลกเย็นตัวลงอีก และเกิดฝนจำนวนมาก คาร์บอนไดออกไซด์ลงมาบนพื้นผิวโลกจากการละลายของน้ำฝน ทำให้ปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง น้ำฝนที่ตกลงมาสู่พื้นไหลรวมตัวกัน ในบริเวณที่ต่ำ เกิดเป็นแม่น้ำลำคลองไหลไปรวมกันในแอ่งที่ราบต่ำ กลายเป็นทะเล และมหาสมุทรที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสร้างผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนขึ้นมา
การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ขอ สารประกอบคาร์บอนก่อให้เกิดแก๊ คาร์บอนมอนอกไซด์ เกิดได้มาก เมื่อออกซิเจนไม่เพียงพอในการสันดาป คาร์บอนมอนอกไซด์สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เผาไหม้ในอากาศจะเกิดเปลวเพลิงสีน้ำเงิน และคาร์บอน-ไดออกไซด์ ออกมา โมเลกุลประกอบไปด้วยคาร์บอนหนึ่งอะตอม และออกซิเจนหนึ่งอะตอม เชื่อมกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ จัดเป็นสารประกอบแอนไฮไดรด์อย่างหนึ่งของกรดฟอร์มิก ซึ่ง ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศหรือในชั้นบรรยากาศและแหล่งอุตสาหกรรม ชั้นเนื้อโลก แบ่งแยกออกจากแก่นโลกชั้นนอกด้วยชั้นความไม่ต่อเนื่องวิเชิร์ตกูเทนเบิร์ก หรือชั้นความ ไม่ต่อเนื่องโอล์แดม มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแร่ซิลิเกต นอกจากนี้เรายังสามารถพบเนื้อดาวนี้ได้ใน ดาวเคราะห์หินทั่วไป ทั้งนี้ระหว่างเนื้อโลกมีชั้นทรานซิชันแทรกอยู่ ทำให้เราแบ่งเนื้อโลกได้เป็นเนื้อโลก ชั้นล่าง และเนื้อโลกชั้นบน ฐานธรณีภาคมีลักษณะเป็นของแข็งเนื้ออ่อน จึงมีความหยุ่นคล้ายดินน้ำมัน ในชั้นฐานธรณีภาคนี้มีความร้อนสูงทำให้แร่ธาตุบางส่วนหลอมละลายเป็นหินหนืด ซึ่งจะมีการเคลื่อนที่ ในลักษณะของกระแสหมุนวนด้วยการพาความร้อนในส่วนของเนื้อโลกชั้นบนตอนบนจะมีลักษณะเป็น หินเนื้อแข็ง เป็นฐานรองรับเปลือกโลกส่วนทวีปเรียกว่า ธรณีภาค นอกจากนี้ ส่วนประกอบหลักของ
ชั้นเนื้อโลกส่วนใหญ่เป็นแมกนีเซียมและเหล็ก เกือบทั้งหมดมีสถานะเป็นของแข็ง
วันที่ 8-17 มกราคม 2016 สองสัปดาห์กับ 8 โชว์ต่อเนื่อง เร่ ิมที่ ปั กกิ่ ง หังโจว เซี่ยงไฮ้ อู่ฮั่น ฉงชิ่ ง เฉิงตู กว่างโจว และ เซินเจิ้ น วงดนตรีที่ยังไม่ดังระเบิดในเมืองไทย กลาย เป็ นตัวเลือกของโปรโมเตอร์จีนได้อย่างไร “ปี นี้แนวดนตรีโพสต์ร็อกได้รับความนิยม มากในจีน ปกติเราจะเลือกวงจากยุโรปและอเมริกา แต่คราวนี้อยากจะหาวงใหม่มาให้คน ฟั ง เราก็เลยโฟกัสที่วงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนที่เราได้ฟั งเพลง ‘เค แอล สตรีท (วันที่ฝนตก)’ ของวงนี้เราก็รู้ว่านี่แหละที่เราต้องการ” อารอน จาง ผู้จัดการทัวร์ เผยถึงเหตุผลที่เลือกวงอินสไปเรทีฟมาเล่นสดที่จีน ในการสัมภาษณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย เพลงของอินสไปเรทีฟอาจมีข้อจำกัดทางการตลาดในตลาดดนตรีป๊ อปมหาชน จากความยาวของเพลง และการเป็ น ดนตรีเน้นบรรเลงไม่เน้นเนื้อร้อง เนื้อหาที่มีเรื่องราวในเชิงนามธรรม รวมไปถึงทุนในการออกสู่ช่องทางโปรโมท “ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าแนวนี้เป็ นโพสต์ร็อก ไม่ได้รู้จักมาก แต่พอมีเพื่อนคนหนึ่งเอาเพลงของ “ซิกูร์ รอส” มาให้ฟั ง คือ ฟั งแล้วตายเลย ก็เลยลองทำเพลงแบบนั้นดู และมีดีเจจากเยสอินดี้ ชวนทำเพลงในอัลบั้มคอมพิเลชัน รวมเพลงจากหลายคน” นพนันท์ เผยที่มาของการทำเพลง และจากจุดนั้นเขาประกาศ
ขขขขขข
ไอน้ำที่ระเหยออกจากน้ำในมหาสมุทรทิ้งประจุแร่ธาตุต่างๆ ทำให้มหาสมุทรมีความเค็ม ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปนั้นเป็นน้ำจืดบริสุทธิ์ แต่เมื่อไอน้ำควบแน่นเป็นหยดน้ำ และตกลงมาเป็นฝน น้ำฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้ จึงมีสภาพกลายเป็น กรดคาร์บอนิกอ่อนๆ ซึ่งทำปฏิกิริยากับหินบางชนิดโดยเฉพาะหินปูนที่มีองค์ประกอบเป็นแคลเซีย คาร์บอเนต ทำให้เกิดน้ำกระด้าง เนื่องจากน้ำได้เปลี่ยนความหนาแน่น ไปตามอุณหภูมิ น้ำจึงทำให้หินแตกได้ นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวละลายที่ดี จึงนำพา แร่ธาตุสารอาหารไปกระจายตามส่วนต่างๆ ของพื้นผิวโลกและสะสมในดิน
คาร์บอนเป็นธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต เป็นองค์ประกอบของสารพันธุกรรม โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สิ่งมีชีวิตได้รับคาร์บอนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก พืชได้รับคาร์บอนจากอากาศในรูปแบบขอ คาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้นคาร์บอนบางส่วนอยู่ในรูปสารละลายกรดคาร์บอนิกแทรกซึมอยู่ในดิน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ม กระบวนการหมุนเวียนออกจากสิ่งมีชีวิตผ่านสิ่งไม่มีชีวิตสู่บรรยากาศ มีการหมุนเวียนกันไปเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกเปลี่ยนเป็นอินทรียสารที่มีพลังงานสะสมอยู่ ต่อมาอินทรียสารที่พืชสะสมไว้บางส่วนถูกถ่ายทอดไปยัง ผู้บริโภคในระบบต่างๆ โดยการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากสิ่งมีชีวิตคืนสู่ธรรมชาติได้หลายทาง เช่น การหายใจของพืช และสัตว์ การย่อยสลาย และการขับถ่าย
หินอัคนี หรือหินภูเขาไฟ เกิดจากการเย็นตัวและการตกผลึกของหินหนืด ใต้เปลือกโลก จึงพบได้มากในบริเวณที่มีภูเขาไฟอยู่ นักธรณีวิทยาได้จำแนกประเภทของหินอัคนีโดยใช้องค์ประกอบของแร่เป็นหินชนิดกรด หินชนิดด่าง และหินอัลตราเมฟิก โดยใช้ปริมาณของซิลิกาเป็นเกณฑ์แบ่งจากกรดมาก ไปหากรดน้อย และสามารถจำแนกเป็นหินชนิดต่างๆ ได้อีกหลายชนิด เช่น หินแกรนิต หินบะซอลต์ หินออบซิเดียน เป็นต้น
เมื่อหินอัคนีที่เกิดขึ้นจากการเย็นตัวลงอย่างช้าๆ ของหินหนืดใต้เปลือกโลก หินหนืดจะแทรกตัวและดันขึ้นมาสู่เปลือกโลกถึงระดับหนึ่งที่อยู่ใต้เปลือกโลกและอุณหภูมิของหินหนืดจะลดลงก่อนจะ เย็นตัวพร้อมกับค่อยๆ แข็งตัวอย่างช้าๆ ทำให้เกิดผลึกแร่ขนาดใหญ่ และเกิดเป็นผลลัพธ์ของหิน มีเนื้อผลึกหยาบที่มีผลึกแร่ยึดเกาะกันแน่นสนิท เนื้อหินที่เกิดขึ้นจึงมีลักษณะแน่นและแข็ง เช่น หินแกรนิต หินไดออไรต์ หินแกบโบร หรือเรียกว่า หินอัคนีแทรกซ้อน ซึ่งสามารถนำไปแปรรูป เพื่อกลายเป็นหินสำเร็จรูปสำหรับการใช้งานอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้
กกกกกกก
สังเกตการเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน
Standard Stratigraphic Age
การแปรสัณฐานของเปลือกโลก มีลักษณะของ การเคลื่อนที่เข้าหากันและเคลื่อนที่ออกจากกัน นอกจากนี้ยังมีอีกลักษณะใน การเคลื่อนที่ของการสวนกัน ซึ่งการที่ แผ่นเปลือกโลกสามารถเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ได้ต่อเนื่องนั้น เกิดจากการหมุนเวียน ของกระแสความร้อนภายในโลก ในขณะชั้นฐานธรณีภาคหรือชั้นเนื้อโลกตอนบน มีแร่ และหินหลอมเหลวกลายเป็นหินหนืด ซึ่งมีลักษณะเป็นของแข็งเนื้ออ่อน หรือ กึ่งแข็งกึ่งเหลว ถูกความร้อนจากแก่นโลกผลักดันให้หินหนืดเคลื่อนตัวสูงขึ้น คล้ายกับการต้มน้ำในหม้อที่ความร้อน
หินอัคนีพุ เกิดการเย็นตัวและแข็งตัวของหินหนืดบนผิวโลก หินหนืดมีการเย็นตัวอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเนื้อผลึกที่ขนาดเล็ก และเนื้อหินละเอียด หินหลอมละลายที่มีหรือไม่มีผลึก และฟองอากาศจะเรียกว่า หินหนืด โดยหินหนืดโผล่ขึ้นมาที่ผิวโลกเนื่องจาก มีความหนาแน่นน้อยกว่าหินต้นกำเนิด หินหนืดที่โผล่ขึ้นมาไม่ว่าจะอยู่ใต้น้ำหรือบนบก เรียกว่า หินหลอมเหลว ปริมาณหินอัคนีพุ ที่ปะทุจากการระเบิดของภูเขาไฟในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับ การเกิดธรณีแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลก เนื่องจากว่าตัวหินหลอมเหลวเย็นตัว และตกผลึกอย่างรวดเร็วจึงได้ผลึกที่มีขนาดเล็ก ถ้าผลึกถูกรบกวนขณะเย็นตัวลักษณะที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อแก้ว ถ้าหินหลอมเหลวมีการเย็นตัวอย่างช้าๆ ผลึกที่ได้จะมีขนาดใหญ่
การพาความร้อนจากภายในของโลกทำให้ วัสดุในชั้นแอสทีโนสเฟียร์ ลอยตัวดันพื้นมหาสมุทรขึ้นมา กลายเป็นสันกลางมหาสมุทร หินหนืดร้อน ซึ่งโผล่ขึ้นมาผลักพื้นมหาสมุทรให้เคลื่อนที่ขยายตัวออก ทางข้าง เนื่องจาก เปลือกมหาสมุทรมีความหนาแน่นมากกว่าเปลือกทวีป ดังนั้นเมื่อเปลือกมหาสมุทร ชนกับเปลือกทวีป เปลือกมหาสมุทรจะมุดตัวต่ำลงกลายเป็นเหวมหาสมุทร แล= หลอมละลายในเนื้อโลก อีกครั้ง มวลหินหนืดที่เกิดจากการรีไซเคิลของเปลือกมหาสมุทรที่จมตัวลงเรียกว่า พลูตอน ที่หนาแน่นน้อยกว่าเปลือกทวีป จึงลอยตัวแทรกขึ้นเป็นแนวภูเขาไฟ เช่น เทือกเขาแอนดีสทางฝั่งตะวันตกของ ทวีปอเมริกาใต้ กระบวนการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกมีเพลตที่ประกอบด้วยเปลือกทวีป และเปลือกมหาสมุทรวางตัวอยู่บนเนื้อโลกชั้นบนสุด เป็นของแข็งใน ชั้นลิโทสเฟียร์ ลอยตัวอยู่บนหินหนืดร้อน ในชั้นแอสทีโนสเฟียร์อีกที การพาความร้อนจากภายในของโลกทำให้ วัสดุในชั้นแอสทีโนสเฟียร์ ลอยตัวดันพื้นมหาสมุทรขึ้นมา กลายเป็นสันกลางมหาสมุทร หินหนืดร้อน ซึ่งโผล่ขึ้นมาผลักพื้นมหาสมุทรให้เคลื่อนที่ขยายตัวออก ทางข้าง เนื่องจาก เปลือกมหาสมุทรมีความหนาแน่นมากกว่าเปลือกทวีป ดังนั้นเมื่อเปลือกมหาสมุทร ชนกับเปลือกทวีป เปลือกมหาสมุทรจะมุดตัวต่ำลงกลายเป็นเหวมหาสมุทร แล= หลอมละลายในเนื้อโลก อีกครั้ง มวลหินหนืดที่เกิดจากการรีไซเคิลของเปลือกมหาสมุทรที่จมตัวลงเรียกว่า พลูตอน ที่หนาแน่นน้อยกว่าเปลือกทวีป จึงลอยตัวแทรกขึ้นเป็นแนวภูเขาไฟ เช่น เทือกเขาแอนดีสทางฝั่งตะวันตกของ ทวีปอเมริกาใต้ กระบวนการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกมีเพลตที่ประกอบด้วยเปลือกทวีป และเปลือกมหาสมุทรวางตัวอยู่บนเนื้อโลกชั้นบนสุด เป็นของแข็งใน ชั้นลิโทสเฟียร์ ลอยตัวอยู่บนหินหนืดร้อน ในชั้นแอสทีโนสเฟียร์อีกที
กำมะถัน คือ ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนในพืชและสัตว์ เราจะได้กำมะถันจากการสลายตัวของ สารอินทรีย์ที่ทับถมอยู่ในดิน จากการระเบิดของภูเขาไฟและในบรรยากาศ ปกติจะเป็นของแข็งสีเหลืองที่เป็นผลึกในธรรมชาติ สามารถพบได้ในรูปของธาตุซัลเฟอร์เองหรือแร่ซัลไฟด์และซัลเฟต สารซัลเฟอร์มีกลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่า ในกรณีของสถานที่ ที่เป็นน้ำอย่างหนองน้ำ หรือท่อระบายน้ำที่มีการหมักหมมจะมีแบคทีเรียย่อยสลายซัลเฟอร์ในสภาวะขาดออกซิเจน จะเกิดเป็นแก๊สไข่เน่าหรื ไฮโดรเจนซัลไฟด์ซึ่งมีความเป็นพิษ นอกจากนี้เป็นธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช ซึ่งจะมีผลต่อทั้งคุณภาพ และปริมาณผลผลิต กำมะถันจัดอยู่ในกลุ่มธาตุอาหารรองลงมาจากธาตุอาหารหลักคือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม กำมะถัน คือ ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนในพืชและสัตว์ เราจะได้กำมะถันจากการสลายตัวของ สารอินทรีย์ที่ทับถมอยู่ในดิน จากการระเบิดของภูเขาไฟและในบรรยากาศ ปกติจะเป็นของแข็งสีเหลืองที่เป็นผลึกในธรรมชาติ สามารถพบได้ในรูปของธาตุซัลเฟอร์เองหรือแร่ซัลไฟด์และซัลเฟต สารซัลเฟอร์มีกลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่า ในกรณีของสถานที่ ที่เป็นน้ำอย่างหนองน้ำ หรือท่อระบายน้ำที่มีการหมักหมมจะมีแบคทีเรียย่อยสลายซัลเฟอร์ในสภาวะขาดออกซิเจน จะเกิดเป็นแก๊สไข่เน่าหรื ไฮโดรเจนซัลไฟด์ซึ่งมีความเป็นพิษ นอกจากนี้เป็นธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช ซึ่งจะมีผลต่อทั้งคุณภาพ และปริมาณผลผลิต กำมะถันจัดอยู่ในกลุ่มธาตุอาหารรองลงมาจากธาตุอาหารหลักคือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
The 2016 version of the detailed stratigraphic table by the German Stratigraphic Commission puts the start of Gunz in the late Calabrian (approximately one million years ago, earlier than MIS 19) and shows a continuity of glacial cycles with the following Mindel stage, with the border arbitrarily put at the start of MIS 10 (approximately 374 000 years ago). Gunz corresponds roughly to the Cromerian stage in the glacial history of Northern Europe. Deep sea core samples have identified approximately 10 marine isotope stages (at least MIS 21 to MIS 11) during Gunz. Thus, there have probably been about 5 glacial cycles of varying intensity during Gunz. During Gunz the 41 000 year glacial cycle of previous stages (Biber and Danube) had been replaced by a dominance of a 100,000-year cycle (Mid-Pleistocene Transition). The most intense glacials of Gunz (MIS 16 and MIS 12) reached similar extents to those of the more recent Riss and Wurm glacials. These have not been easy to identify in the geological record of the Alps, but MIS 16 has been identified with the Don Glaciation of Eastern Europe. The strong glacial MIS 12 has been problematic, and has sometimes been identified with the Mindel glaciation, which would imply an end to Gunz already after MIS 13 (480 000 years ago). There have been five or six major ice ages in the history of Earth over the past 3 billion years. The Late Cenozoic Ice Age began 34 million years ago, its latest phase being the Quaternary glaciation, in progress since 2.58 million years ago. Within ice ages, there exist periods of more severe glacial conditions and more
วิธีการลดก๊าซเรือนกระจกหรือก๊าซมีเทนสามารถทำได้ตั้งแต่พยายามกินเนื้อสัตว์น้อยลง ปรับเปลี่ยนอาหารที่ใช้เลี้ยงวัว ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกัน กักเก็บ และปิดผนึกไม่ให้ก๊าซมีเทนรั่วไหล จากแหล่งที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล น้ำมัน หรือก๊าซ อาทิ เหมืองถ่านหิน หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ลดปริมาณขยะออร์แกนิกในกองภูเขาขยะ หรือลดปริมาณขยะอาหารเพื่อที่แหล่งทิ้งขยะจะลดก๊าซมีเทน ได้มากขึ้น มีระบบบำบัดน้ำเสียที่ดีขึ้น ตามรายงานการประเมินสถานการณ์ล่าสุดของการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศโดยคณ กรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบุว่า ข้อตกลงระหว่างผู้นำโลกในการประชุม จะมีประเด็นว่าด้วยการควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทนในฐานะ ความพยายามหนึ่งที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์อย่างเร่งด่วนเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมีเทน เป็นก๊าซเรือนกระจกอันดับสองรองจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลให้โลกร้อนมากที่สุด แม้ว่าจะมีคุณสมบัติทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่ คาร์บอนไดออกไซด์เนื่องจาก ก๊าซโมเลกุลของมีเทนมีประสิทธิภาพในการดักจับความร้อนได้มากยิ่งกว่าโมเลกุล ของคาร์บอนไดออกไซด์ แต่มีเทนที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศจะคงอยู่ได้เป็นระยะ เวลาสั้นกว่า ก่อนจะค่อยๆ เสื่อมลง เทียบกั คาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศได้ยาวมากกว่าหนึ่งร้อยปี แหล่งมีเทนมีจากทั้งในธรรมชาติอย่างพื้นที่ชุ่มน้ำที่ปล่อยก๊าซมีเทนคิดเป็นร้อยละสามสิบของก๊าซมีเทนที่ปล่อยในโลก มีเทน เป็นก๊าซเรือนกระจกอันดับสองรองจา คาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลให้โลกร้อนมากที่สุด แม้ว่าจะมีคุณสมบัติทำให้โลกร้อนขึ้นมากกวคาร์บอนไดออกไซด์เนื่องจาก ก๊าซโมเลกุลของมีเทนมีประสิทธิภาพในการดักจับความร้อนได้มากยิ่งกว่าโมเลกุล ของคาร์บอนไดออกไซด์ แต่มีเทนที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศจะคงอยู่ได้เป็นระยะ เวลาสั้นกว่า ก่อนจะค่อยๆ เสื่อมลง เทียบกั คาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศได้ยาวมากกว่าหนึ่งร้อยปี แหล่งมีเทนมีจากทั้งในธรรมชาติอย่างพื้นที่ชุ่มน้ำที่ปล่อยก๊าซมีเทนคิดเป็นร้อยละสามสิบของก๊าซมีเทนที่ปล่อยในโลก
เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิต
Typically Leaves Economic
วงแหวนแห่งไฟ หรือแนวเทือกเขารอบมหาสมุทรแปซิฟิก เป็น แนวภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่น และร่องลึกก้นสมุทรในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งเป็นต้นกำเนิดของปรากฏการณ์แผ่นดินไหวส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น บนโลก เกิดจากการเคลื่อนที่เข้าหากันของแผ่นเปลือกโลก
ลักษณะโครงสร้างสำคัญขอ หินตะกอนคือชั้นหิน โดยปกติแล้วการสะสมของตะกอนจะสะสมตาม ทฤษฎีกฎการวางตัวซ้อนกันของ นิโคลัส สตีโน กล่าวคือ ชั้นหินมีการสะสมตัวในแนวระดับ ชั้นหินที่มีอายุน้อยกว่าจะต้องวางซ้อนอยู่ด้านบนชั้นหินที่มีอายุมากกว่า นอกจากนี้หากชั้นหินนั้นไม่ได้ วางตัวในแนวระดับนั้นแล้ว แสดงว่ามี แรงมากระทำต่อชั้นหิน ซึ่งสามารถวัดแนวการวางตัวของชั้นหินเพื่อหาแนวแรงที่มากระทำชั้นหินได้
แนวแตกเกิดขึ้นเนื่องจากหินเปลือกโลกถูกแรงมากระทำจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก จึงต้องพยายามแตกตัวออกเพื่อให้หมดภาวะความกดดัน เกิดเป็นแนวแตกในหิน แนวการวางตัวมักจะสม่ำเสมอทั้งผืนหิน นอกจากนี้แนวแตกอาจเกิดขึ้นได้จากการเย็นตัวของหินอัคนี หรือการดันแทรกตัวของหินหนืดเข้ามาในพื้นที่ทำให้เกิดแนวแตกในหินข้างเดียว ทำให้เกิดการปริแตกของหินโดยไม่มีการเคลื่อนที่ของหินระหว่างรอยแตก บางครั้งหินเกิดเป็นรอยแยกขนาดเล็กหรือรอยแตก นอกจากนี้รอยแตก ยังสามารถเกิดได้จากกระบวนการผุพัง โดยในกรณีของหินใต้พื้นผิวโลกซึ่งเดิมเคยถูกกดทับด้วยน้ำหนักของหิน หรือดินด้านบนอย่างสมดุล แต่เมื่อถูกกัดกร่อนไป หินเดิมจึงคลายแรงดัน ขยายตัว และแยกออกตามแนวรอยแตกตามพื้นผิวหิน แนวแตกเกิดขึ้นเนื่องจากหินเปลือกโลกถูกแรงมากระทำจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก จึงต้องพยายามแตกตัวออกเพื่อให้หมดภาวะความกดดัน เกิดเป็นแนวแตกในหิน แนวการวางตัวมักจะสม่ำเสมอทั้งผืนหิน นอกจากนี้แนวแตกอาจเกิดขึ้นได้จากการเย็นตัวของหินอัคนี หรือการดันแทรกตัวของหินหนืดเข้ามาในพื้นที่ทำให้เกิดแนวแตกในหินข้างเดียว ทำให้เกิดการปริแตกของหินโดยไม่มีการเคลื่อนที่ของหินระหว่างรอยแตก บางครั้งหินเกิดเป็นรอยแยกขนาดเล็กหรือรอยแตก นอกจากนี้รอยแตก ยังสามารถเกิดได้จากกระบวนการผุพัง โดยในกรณีของหินใต้พื้นผิวโลกซึ่งเดิมเคยถูกกดทับด้วยน้ำหนักของหิน หรือดินด้านบนอย่างสมดุล แต่เมื่อถูกกัดกร่อนไป หินเดิมจึงคลายแรงดัน ขยายตัว และแยกออกตามแนวรอยแตกตามพื้นผิวหิน
แก่นโลกชั้นในเป็นลูกเหล็กร้อนทรงกลมที่มีส่วนผสมของนิกเกิล มีความหนาแน่น และแข็ง ประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิล เทียบเคียงจากอุกกาบาตเนื้อเหล็กที่ประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็ก และนิกเกิลซึ่งเคยตกลงมาบนโลก ตรงรอยต่อระหว่างแก่นโลกชั้นนอกที่เป็นโลหะหลอมเหลวกับผิวของแก่นโลกชั้นใน ที่แข็งกว่ามีอุณหภูมิที่ร้อนแรงเทียบเท่าพื้นผิวด้านนอกของดวงอาทิตย์ ความร้อน ภายในแก่นโลกมาจากการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี ซึ่งโลกได้รับในปริมาณมหาศาลขณะเริ่มก่อตัวขึ้นจากเศษหิน และฝุ่นในห้วงอวกาศเมื่อหลายพันล้านปีก่อน แก่นโลกชั้นในเป็นลูกเหล็กร้อนทรงกลมที่มีส่วนผสมของนิกเกิล มีความหนาแน่น และแข็ง ประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิล เทียบเคียงจากอุกกาบาตเนื้อเหล็กที่ประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็ก และนิกเกิลซึ่งเคยตกลงมาบนโลก ตรงรอยต่อระหว่างแก่นโลกชั้นนอกที่เป็นโลหะหลอมเหลวกับผิวของแก่นโลกชั้นใน ที่แข็งกว่ามีอุณหภูมิที่ร้อนแรงเทียบเท่าพื้นผิวด้านนอกของดวงอาทิตย์ ความร้อน ภายในแก่นโลกมาจากการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี ซึ่งโลกได้รับในปริมาณมหาศาลขณะเริ่มก่อตัวขึ้นจากเศษหิน และฝุ่นในห้วงอวกาศเมื่อหลายพันล้านปีก่อน
ชั้นเนื้อโลก แบ่งแยกออกจากแก่นโลกชั้นนอกด้วยชั้นความไม่ต่อเนื่องวิเชิร์ตกูเทนเบิร์ก หรือชั้นความ ไม่ต่อเนื่องโอล์แดม มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแร่ซิลิเกต นอกจากนี้เรายังสามารถพบเนื้อดาวนี้ได้ใน ดาวเคราะห์หินทั่วไป ทั้งนี้ระหว่างเนื้อโลกมีชั้นทรานซิชันแทรกอยู่ ทำให้เราแบ่งเนื้อโลกได้เป็นเนื้อโลก ชั้นล่าง และเนื้อโลกชั้นบน ฐานธรณีภาคมีลักษณะเป็นของแข็งเนื้ออ่อน จึงมีความหยุ่นคล้ายดินน้ำมัน ในชั้นฐานธรณีภาคนี้มีความร้อนสูงทำให้แร่ธาตุบางส่วนหลอมละลายเป็นหินหนืด ซึ่งจะมีการเคลื่อนที่ ในลักษณะของกระแสหมุนวนด้วยการพาความร้อนในส่วนของเนื้อโลกชั้นบนตอนบนจะมีลักษณะเป็น หินเนื้อแข็ง เป็นฐานรองรับเปลือกโลกส่วนทวีปเรียกว่า ธรณีภาค นอกจากนี้ ส่วนประกอบหลักของ ชั้นเนื้อโลกส่วนใหญ่เป็นแมกนีเซียมและเหล็ก เกือบทั้งหมดมีสถานะเป็นของแข็ง ชั้นเนื้อโลก แบ่งแยกออกจากแก่นโลกชั้นนอกด้วยชั้นความไม่ต่อเนื่องวิเชิร์ตกูเทนเบิร์ก หรือชั้นความ ไม่ต่อเนื่องโอล์แดม มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแร่ซิลิเกต นอกจากนี้เรายังสามารถพบเนื้อดาวนี้ได้ใน ดาวเคราะห์หินทั่วไป ทั้งนี้ระหว่างเนื้อโลกมีชั้นทรานซิชันแทรกอยู่ ทำให้เราแบ่งเนื้อโลกได้เป็นเนื้อโลก ชั้นล่าง และเนื้อโลกชั้นบน ฐานธรณีภาคมีลักษณะเป็นของแข็งเนื้ออ่อน จึงมีความหยุ่นคล้ายดินน้ำมัน ในชั้นฐานธรณีภาคนี้มีความร้อนสูงทำให้แร่ธาตุบางส่วนหลอมละลายเป็นหินหนืด ซึ่งจะมีการเคลื่อนที่ ในลักษณะของกระแสหมุนวนด้วยการพาความร้อนในส่วนของเนื้อโลกชั้นบนตอนบนจะมีลักษณะเป็น หินเนื้อแข็ง เป็นฐานรองรับเปลือกโลกส่วนทวีปเรียกว่า ธรณีภาค นอกจากนี้ ส่วนประกอบหลักของ ชั้นเนื้อโลกส่วนใหญ่เป็นแมกนีเซียมและเหล็ก เกือบทั้งหมดมีสถานะเป็นของแข็ง
น้ำบนพื้นผิวโลกไม่ว่าจะในมหาสมุทร ทะเล แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ระเหยเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำ และลอยขึ้นสู่บรรยากาศ อุณหภูมิที่ลดลงเมื่อลอยตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดภาว ความชื้นสัมพัทธ์ จึงควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็กๆ ที่เราเรียกว่าเมฆ หรือหมอก เมื่อหยดน้ำเล็กๆ เหล่านี้รวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักพอที่จะชนะแรงต้านทานอากาศ ตกลงมากลายเป็นหิมะ หรือฝน หิมะที่ตกค้างอยู่บนยอดเขาพอกพูนกันเป็นธารน้ำแข็ง น้ำฝนที่ตกลงถึงพื้นรวมตัวเป็นลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง หรือไหลบ่ารวมกันเป็นแม่น้ำ ธารน้ำแข็งที่ละลายเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่แม่น้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกบางส่วนแทรกซึมตามรอยแต ของหิน ทำให้เกิดน้ำใต้ดิน และไหลไปรวมกันในท้องมหาสมุทร หมุนเวียนซ้ำๆ จนกลายเป็นวัฏจักรของน้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกไม่ว่าจะในมหาสมุทร ทะเล แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ระเหยเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำ และลอยขึ้นสู่บรรยากาศ อุณหภูมิที่ลดลงเมื่อลอยตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดภาว ความชื้นสัมพัทธ์ จึงควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็กๆ ที่เราเรียกว่าเมฆ หรือหมอก เมื่อหยดน้ำเล็กๆ เหล่านี้รวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักพอที่จะชนะแรงต้านทานอากาศ ตกลงมากลายเป็นหิมะ หรือฝน หิมะที่ตกค้างอยู่บนยอดเขาพอกพูนกันเป็นธารน้ำแข็ง น้ำฝนที่ตกลงถึงพื้นรวมตัวเป็นลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง หรือไหลบ่ารวมกันเป็นแม่น้ำ ธารน้ำแข็งที่ละลายเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่แม่น้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกบางส่วนแทรกซึมตามรอยแต ของหิน ทำให้เกิดน้ำใต้ดิน และไหลไปรวมกันในท้องมหาสมุทร หมุนเวียนซ้ำๆ จนกลายเป็นวัฏจักรของน้ำ
๕๕๕๕๕๕
การสรรค์สร้างสิ่งแวดล้อมโลก
Geological Evidence Guide
ไอน้ำที่ระเหยออกจากน้ำในมหาสมุทรทิ้งประจุแร่ธาตุต่างๆ ทำให้มหาสมุทรมีความเค็ม ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปนั้นเป็นน้ำจืดบริสุทธิ์ แต่เมื่อไอน้ำควบแน่นเป็นหยดน้ำ และตกลงมาเป็นฝน น้ำฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใ บรรยากาศได้ จึงมีสภาพกลายเป็น กรดคาร์บอนิกอ่อนๆ ซึ่งทำปฏิกิริยากับหินบางชนิดโดยเฉพาะหินปูนที่มีองค์ประกอบเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ทำให้เกิดน้ำกระด้าง เนื่องจากน้ำได้เปลี่ยนความหนาแน่น ไปตามอุณหภูมิ น้ำจึงทำให้หินแตกได้ นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวละลายที่ดี จึงนำพา แร่ธาตุสารอาหารไปกระจายตามส่วนต่างๆ ของพื้นผิวโลกและสะสมในดิน
คาร์บอนเป็นธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต เป็นองค์ประกอบของสารพันธุกรรม โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สิ่งมีชีวิตได้รับคาร์บอนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก พืชได้รับคาร์บอนจากอากาศในรูปแบบของคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้นคาร์บอนบางส่วนอยู่ในรูปสารละลายกรดคาร์บอนิกแทรกซึมอยู่ในดิน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ม กระบวนการหมุนเวียนออกจากสิ่งมีชีวิตผ่านสิ่งไม่มีชีวิตสู่บรรยากาศ มีการหมุนเวียนกันไปเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกเปลี่ยนเป็นอินทรียสารที่มีพลังงานสะสมอยู่ ต่อมาอินทรียสารที่พืชสะสมไว้บางส่วนถูกถ่ายทอดไปยัง ผู้บริโภคในระบบต่างๆ โดยการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากสิ่งมีชีวิตคืนสู่ธรรมชาติได้หลายทาง เช่น การหายใจของพืช และสัตว์ การย่อยสลาย และการขับถ่าย
ไอน้ำที่ระเหยออกจากน้ำในมหาสมุทรทิ้งประจุแร่ธาตุต่างๆ ทำให้มหาสมุทรมีความเค็ม ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปนั้นเป็นน้ำจืดบริสุทธิ์ แต่เมื่อไอน้ำควบแน่นเป็นหยดน้ำ และตกลงมาเป็นฝน น้ำฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใ บรรยากาศได้ จึงมีสภาพกลายเป็น กรดคาร์บอนิกอ่อนๆ ซึ่งทำปฏิกิริยากับหินบางชนิดโดยเฉพาะหินปูนที่ม องค์ประกอบเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ทำให้เกิดน้ำกระด้าง เนื่องจากน้ำได้เปลี่ยนความหนาแน่น ไปตามอุณหภูมิ น้ำจึงทำให้หินแตกได้ นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวละลายที่ดี จึงนำพา แร่ธาตุสารอาหารไปกระจายตามส่วนต่างๆ ของพื้นผิวโลกและสะสมในดิน ไอน้ำที ระเหยออกจากน้ำในมหาสมุทรทิ้งประจุแร่ธาตุต่างๆ ทำให้มหาสมุทรมีความเค็ม ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปนั้นเป็นน้ำจืดบริสุทธิ์ แต่เมื่อไอน้ำควบแน่นเป็นหยดน้ำ และตกลงมาเป็นฝน น้ำฝนละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใ บรรยากาศได้ จึงมีสภาพกลายเป็น กรดคาร์บอนิกอ่อนๆ ซึ่งทำปฏิกิริยากับหินบางชนิดโดยเฉพาะหินปูนที่ม องค์ประกอบเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ทำให้เกิดน้ำกระด้าง เนื่องจากน้ำได้เปลี่ยนความหนาแน่น ไปตามอุณหภูมิ น้ำจึงทำให้หินแตกได้ นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวละลายที่ดี จึงนำพา แร่ธาตุสารอาหารไปกระจายตามส่วนต่างๆ ของพื้นผิวโลกและสะสมในดิน
คาร์บอนเป็นธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต เป็นองค์ประกอบของสารพันธุกรรม โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สิ่งมีชีวิตได้รับคาร์บอนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก พืชได้รับคาร์บอนจากอากาศในรูปแบบของคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้นคาร์บอนบางส่วนอยู่ในรูปสารละลายกรดคาร์บอนิกแทรกซึมอยู่ในดิน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ม กระบวนการหมุนเวียนออกจากสิ่งมีชีวิตผ่านสิ่งไม่มีชีวิตสู่บรรยากาศ มีการหมุนเวียนกันไปเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกเปลี่ยนเป็นอินทรียสารที่ม พลังงานสะสมอยู่ ต่อมาอินทรียสารที่พืชสะสมไว้บางส่วนถูกถ่ายทอดไปยั ผู้บริโภคในระบบต่างๆ โดยการปล่อ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากสิ่งมีชีวิตคืนสู่ธรรมชาติได้หลายทาง เช่น การหายใจของพืช และสัตว์ การย่อยสลาย และการขับถ่าย คาร์บอนเป็นธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต เป็นองค์ประกอบของสารพันธุกรรม โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สิ่งมีชีวิตได้รับคาร์บอนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก พืชได้รับคาร์บอนจากอากาศในรูปแบบของคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้นคาร์บอนบางส่วนอยู่ในรูปสารละลายกรดคาร์บอนิกแทรกซึมอยู่ในดิน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ม กระบวนการหมุนเวียนออกจากสิ่งมีชีวิตผ่านสิ่งไม่มีชีวิตสู่บรรยากาศ มีการหมุนเวียนกันไปเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกเปลี่ยนเป็นอินทรียสารที่ม พลังงานสะสมอยู่ ต่อมาอินทรียสารที่พืชสะสมไว้บางส่วนถูกถ่ายทอดไปยั ผู้บริโภคในระบบต่างๆ โดยการปล่อ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากสิ่งมีชีวิตคืนสู่ธรรมชาติได้หลายทาง เช่น การหายใจของพืช และสัตว์ การย่อยสลาย และการขับถ่าย
ไอน้ำที่แทรกซึมขึ้นมาจากเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึ้น เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ฝนในยุคแรก ตกลงมาไม่ทันถึงพื้นก็ระเหยกลับเป็นไอน้ำไปหมด เนื่องจากพื้นโลกยังมีความร้อนสูงมาก กระทั่งโลกเย็นตัวลงอีก และเกิดฝนจำนวนมาก คาร์บอนไดออกไซด์ลงมาบนพื้นผิวโลกจากการละลายของน้ำฝน ทำให้ปริมาณของก๊า คาร์บอนไดออกไซด์ลดลง น้ำฝนที่ตกลงมาสู่พื้นไหลรวมตัวกัน ในบริเวณที่ต่ำ เกิดเป็นแม่น้ำลำคลองไหลไปรวมกันในแอ่งที่ราบต่ำ กลายเป็นทะเล และมหาสมุทรที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสร้างผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนขึ้นมา ไอน้ำที่แทรกซึมขึ้นมาจากเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึ้น เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ฝนในยุคแรก ตกลงมาไม่ทันถึงพื้นก็ระเหยกลับเป็นไอน้ำไปหมด เนื่องจากพื้นโลกยังมีความร้อนสูงมาก กระทั่งโลกเย็นตัวลงอีก และเกิดฝนจำนวนมาก คาร์บอนไดออกไซด์ลงมาบนพื้นผิวโลกจากการละลายของน้ำฝน ทำให้ปริมาณของก๊า คาร์บอนไดออกไซด์ลดลง น้ำฝนที่ตกลงมาสู่พื้นไหลรวมตัวกัน ในบริเวณที่ต่ำ เกิดเป็นแม่น้ำลำคลองไหลไปรวมกันในแอ่งที่ราบต่ำ กลายเป็นทะเล และมหาสมุทรที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสร้างผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนขึ้นมา
น้ำบนพื้นผิวโลกไม่ว่าจะในมหาสมุทร ทะเล แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ระเหยเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำ และลอยขึ้นสู่บรรยากาศ อุณหภูมิที่ลดลงเมื่อลอยตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดภาว ความชื้นสัมพัทธ์ จึงควบแน่นเป็ ละอองน้ำเล็กๆ ที่เราเรียกว่าเมฆ หรือหมอก เมื่อหยดน้ำเล็กๆ เหล่านี้รวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักพอที่จะชนะแรงต้านทานอากาศ ตกลงมากลายเป็นหิมะ หรือฝน หิมะที่ตกค้างอยู่บนยอดเขาพอกพูนกันเป็นธารน้ำแข็ง น้ำฝนที่ตกลงถึงพื้นรวมตัวเป็นลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง หรือไหลบ่ารวมกันเป็นแม่น้ำ ธารน้ำแข็งที่ละลายเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่แม่น้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกบางส่วนแทรกซึมตามรอยแตกของหิน ทำให้เกิดน้ำใต้ดิน และไหลไปรวมกันในท้องมหาสมุทร หมุนเวียนซ้ำๆ จนกลายเป็นวัฏจักรของน้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกไม่ว่าจะในมหาสมุทร ทะเล แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ระเหยเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำ และลอยขึ้นสู่บรรยากาศ อุณหภูมิที่ลดลงเมื่อลอยตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดภาว ความชื้นสัมพัทธ์ จึงควบแน่นเป็ ละอองน้ำเล็กๆ ที่เราเรียกว่าเมฆ หรือหมอก เมื่อหยดน้ำเล็กๆ เหล่านี้รวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักพอที่จะชนะแรงต้านทานอากาศ ตกลงมากลายเป็นหิมะ หรือฝน หิมะที่ตกค้างอยู่บนยอดเขาพอกพูนกันเป็นธารน้ำแข็ง น้ำฝนที่ตกลงถึงพื้นรวมตัวเป็นลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง หรือไหลบ่ารวมกันเป็นแม่น้ำ ธารน้ำแข็งที่ละลายเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่แม่น้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกบางส่วนแทรกซึมตามรอยแตกของหิน ทำให้เกิดน้ำใต้ดิน และไหลไปรวมกันในท้องมหาสมุทร หมุนเวียนซ้ำๆ จนกลายเป็นวัฏจักรของน้ำ
บริเวณแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว
Early Neoprotozoic Era
ไอน้ำที่แทรกซึมขึ้นมาจากเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึ้น เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ฝนในยุคแรก ตกลงมาไม่ทันถึงพื้นก็ระเหยกลับเป็นไอน้ำไปหมด เนื่องจากพื้นโลกยังมีความร้อนสูงมาก กระทั่งโลกเย็นตัวลงอีก และเกิดฝนจำนวนมาก คาร์บอนไดออกไซด์ลงมาบนพื้นผิวโลกจากการละลายของน้ำฝน ทำให้ปริมาณของก๊า คาร์บอนไดออกไซด์ลดลง น้ำฝนที่ตกลงมาสู่พื้นไหลรวมตัวกัน ในบริเวณที่ต่ำ เกิดเป็นแม่น้ำลำคลองไหลไปรวมกันในแอ่งที่ราบต่ำ กลายเป็นทะเล และมหาสมุทรที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสร้างผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนขึ้นมา ไอน้ำที่แทรกซึมขึ้นมาจากเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึ้น เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ฝนในยุคแรก ตกลงมาไม่ทันถึงพื้นก็ระเหยกลับเป็นไอน้ำไปหมด เนื่องจากพื้นโลกยังมีความร้อนสูงมาก กระทั่งโลกเย็นตัวลงอีก และเกิดฝนจำนวนมาก คาร์บอนไดออกไซด์ลงมาบนพื้นผิวโลกจากการละลายของน้ำฝน ทำให้ปริมาณของก๊า คาร์บอนไดออกไซด์ลดลง น้ำฝนที่ตกลงมาสู่พื้นไหลรวมตัวกัน ในบริเวณที่ต่ำ เกิดเป็นแม่น้ำลำคลองไหลไปรวมกันในแอ่งที่ราบต่ำ กลายเป็นทะเล และมหาสมุทรที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสร้างผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนขึ้นมา
น้ำบนพื้นผิวโลกไม่ว่าจะในมหาสมุทร ทะเล แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ระเหยเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำ และลอยขึ้นสู่บรรยากาศ อุณหภูมิที่ลดลงเมื่อลอยตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดภาว ความชื้นสัมพัทธ์ จึงควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็กๆ ที่เราเรียกว่าเมฆ หรือหมอก เมื่อหยดน้ำเล็กๆ เหล่านี้รวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักพอที่จะชนะแรงต้านทานอากาศ ตกลงมากลายเป็นหิมะ หรือฝน หิมะที่ตกค้างอยู่บนยอดเขาพอกพูนกันเป็นธารน้ำแข็ง น้ำฝนที่ตกลงถึงพื้นรวมตัวเป็นลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง หรือไหลบ่ารวมกันเป็นแม่น้ำ ธารน้ำแข็งที่ละลายเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่แม่น้ำ น้ำบนพื้นผิวโลกบางส่วนแทรกซึมตามรอยแตกของหิน ทำให้เกิดน้ำใต้ดิน และไหลไปรวมกันในท้องมหาสมุทร หมุนเวียนซ้ำๆ จนกลายเป็นวัฏจักรของน้ำ
การผลิตก๊าซธรรมชาติมีส่วนประกอบของไฮโดรคาร์บอนในก๊าซเป็นหลัก และส่วนที่เหลือจะเป็น ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ปนอยู่เพียงเล็กน้อย ไฮโดรคาร์บอนในก๊าซธรรมชาติจัดอยู่ในอนุกรมพาราฟิน มีคุณสมบัติอิ่มตัว และไม่เปลี่ยนแปลงทางเคมีในสภาวะปกติ ก๊าซธรรมชาติ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่คือ มีเทน ซึ่งมีน้ำหนักเบาที่สุด และจุดเดือดต่ำที่สุดเป็นส่วนประกอบ เป็นปิโตรเลียมในสภาวะก๊าซที่มีอยู่ทั่วไปในโลก เกิดจากซากพืช ซากสัตว์นานาชนิดที่ทับถมกัน กับโคลนทราย และตะกอนต่างๆ ที่ก้นทะเลจนอัดแน่นกลายเป็นชั้นๆ ภายใต้ความร้อนมหาศาล การผลิตก๊าซธรรมชาติมีส่วนประกอบของไฮโดรคาร์บอนในก๊าซเป็นหลัก และส่วนที่เหลือจะเป็น ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ปนอยู่เพียงเล็กน้อย ไฮโดรคาร์บอนในก๊าซธรรมชาติจัดอยู่ในอนุกรมพาราฟิน มีคุณสมบัติอิ่มตัว และไม่เปลี่ยนแปลงทางเคมีในสภาวะปกติ ก๊าซธรรมชาติ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่คือ มีเทน ซึ่งมีน้ำหนักเบาที่สุด และจุดเดือดต่ำที่สุดเป็นส่วนประกอบ เป็นปิโตรเลียมในสภาวะก๊าซที่มีอยู่ทั่วไปในโลก เกิดจากซากพืช ซากสัตว์นานาชนิดที่ทับถมกัน กับโคลนทราย และตะกอนต่างๆ ที่ก้นทะเลจนอัดแน่นกลายเป็นชั้นๆ ภายใต้ความร้อนมหาศาล
โพรเพน และบิวเทนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวที่นิยมนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในอุตสาหกรรม และครัวเรือน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์พาหนะ และโรงงา อุตสาหกรรมเป็นก๊าซธรรมชาติแบบปิโตรเลียมเหลว โพรเพนเป็นหนึ่งในสารที่พบในน้ำมันดิบ และแก๊ ธรรมชาติ เป็นสารกลุ่มแรกๆ ที่ถูกแยกออกเมื่อมีการกลั่นลำดับส่วนเนื่องจากม จุดเดือดต่ำกว่าสารชนิดอื่น ส่วนบิวเทนใช้ผสมกับแก๊สโซลีนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มเลขออกเทนในน้ำมันเบนซิน เมื่อผสมกับโพรเพน และสารไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ จะได้แก๊ ปิโตรเลียมเหลว เนื่องจากก๊าซจะถูกอัดให้อยู่ในสภาพของเหลวภายใต้ความดันเพื่อสะดวกต่อการเก็บ และการขนส่ง เมื่อลดความดันก๊าซเหลวนี้จะกลายเป็นไอสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โพรเพน และบิวเทนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวที่นิยมนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในอุตสาหกรรม และครัวเรือน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์พาหนะ และโรงงา อุตสาหกรรมเป็นก๊าซธรรมชาติแบบปิโตรเลียมเหลว โพรเพนเป็นหนึ่งในสารที่พบในน้ำมันดิบ และแก๊ ธรรมชาติ เป็นสารกลุ่มแรกๆ ที่ถูกแยกออกเมื่อมีการกลั่นลำดับส่วนเนื่องจากม จุดเดือดต่ำกว่าสารชนิดอื่น ส่วนบิวเทนใช้ผสมกับแก๊สโซลีนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มเลขออกเทนในน้ำมันเบนซิน เมื่อผสมกับโพรเพน และสารไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ จะได้แก๊ ปิโตรเลียมเหลว เนื่องจากก๊าซจะถูกอัดให้อยู่ในสภาพของเหลวภายใต้ความดันเพื่อสะดวกต่อการเก็บ และการขนส่ง เมื่อลดความดันก๊าซเหลวนี้จะกลายเป็นไอสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
พลังงานชีวภาพจะอยู่ในรูปแบบก๊าซเท่านั้น ส่วนพลังงานชีวมวลมีรูปแบ หลากหลายมากกว่า เช่น ก๊าซ ของเหลว ความร้อน ขึ้นอยู่กั กระบวนการผลิต เชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายวัสดุทางชีวภาพด้วยการอาศัยแบคทีเรียต่างๆ ภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจนจนเกิดเป็นก๊าซชีวภาพ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างการผลิตเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้า และความร้อน และเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตก๊าซหุงต้ม และก๊าซเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ ส่วนพลังงานชีวมวลคือพลังงานที่ผลิตได้จากการ นำวัสดุชีวมวลหรือสารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติ พลังงานชีวภาพจะอยู่ในรูปแบบก๊าซเท่านั้น ส่วนพลังงานชีวมวลมีรูปแบ หลากหลายมากกว่า เช่น ก๊าซ ของเหลว ความร้อน ขึ้นอยู่กั กระบวนการผลิต เชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายวัสดุทางชีวภาพด้วยการอาศัยแบคทีเรียต่างๆ ภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจนจนเกิดเป็นก๊าซชีวภาพ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างการผลิตเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้า และความร้อน และเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตก๊าซหุงต้ม และก๊าซเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ ส่วนพลังงานชีวมวลคือพลังงานที่ผลิตได้จากการ นำวัสดุชีวมวลหรือสารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติ
การนำเอาพลังงานความร้อนที่อยู ใต้ดินขึ้นมาใช้ ความร้อนดังกล่าวอยู ในแกนกลางของโลกเกิดขึ้นมาตั้งแต่โลกกำเนิดขึ้น ซึ่งความร้อนนี้จะเดิ ทางผ่านตัวกลางขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึ เปลือกโลก ความร้อนดังกล่าวทำให้น้ำที่เก็บกักอยู่ในโพรงหินมีอุณหภูมิร้อนขึ้น และอาจจะสูงมาก แต่ทว่าความดันภายในโลกนั้นได้ดันน้ำขึ้นมา บนผิวดินทำให้เกิดการกลายเป็นไอลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ แล้วตกลงมาเป็นฝนหรือหิมะ จากนั้นไหลกลับ ลงไปใต้ดินนำความร้อนขึ้นมาอีกกลายเป็นการหมุนเวียนของกระแสความร้อนภายในโลก พลังงานนี้จึง ถูกเรียกว่าพลังงานหมุนเวียน ฉะนั้นแก่นโลกจึงเปรียบเสมือนเต หลอมเหลวที่มีการไล่ระดับความร้อน ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นขอ อุณหภูมิโลก และความดันตามระดับความลึก เราสามารถพบพลังงา ความร้อนใต้พิภพได้ ในบริเวณที่มีการแผ่กระจายของความร้อนเรียกว่า ฮอตสปอต การนำเอาพลังงานความร้อนที่อยู ใต้ดินขึ้นมาใช้ ความร้อนดังกล่าวอยู ในแกนกลางของโลกเกิดขึ้นมาตั้งแต่โลกกำเนิดขึ้น ซึ่งความร้อนนี้จะเดิ ทางผ่านตัวกลางขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึ เปลือกโลก ความร้อนดังกล่าวทำให้น้ำที่เก็บกักอยู่ในโพรงหินมีอุณหภูมิร้อนขึ้น และอาจจะสูงมาก แต่ทว่าความดันภายในโลกนั้นได้ดันน้ำขึ้นมา บนผิวดินทำให้เกิดการกลายเป็นไอลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ แล้วตกลงมาเป็นฝนหรือหิมะ จากนั้นไหลกลับ ลงไปใต้ดินนำความร้อนขึ้นมาอีกกลายเป็นการหมุนเวียนของกระแสความร้อนภายในโลก พลังงานนี้จึง ถูกเรียกว่าพลังงานหมุนเวียน ฉะนั้นแก่นโลกจึงเปรียบเสมือนเต หลอมเหลวที่มีการไล่ระดับความร้อน ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นขอ อุณหภูมิโลก และความดันตามระดับความลึก เราสามารถพบพลังงา ความร้อนใต้พิภพได้ ในบริเวณที่มีการแผ่กระจายของความร้อนเรียกว่า ฮอตสปอต
งงงงงง
วิธีที่อธิบายรอยแยกของพื้นผิว
Divide Between Nature
วันที่ 8-17 มกราคม 2016 สองสัปดาห์กับ 8 โชว์ต่อเนื่อง เร่ ิมที่ ปั กกิ่ ง หังโจว เซี่ยงไฮ้ อู่ฮั่น ฉงชิ่ ง เฉิงตู กว่างโจว และ เซินเจิ้ น วงดนตรีที่ยังไม่ดังระเบิดในเมืองไทย กลาย เป็ นตัวเลือกของโปรโมเตอร์จีนได้อย่างไร “ปี นี้แนวดนตรีโพสต์ร็อกได้รับความนิยม มากในจีน ปกติเราจะเลือกวงจากยุโรปและอเมริกา แต่คราวนี้อยากจะหาวงใหม่มาให้คน ฟั ง เราก็เลยโฟกัสที่วงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนที่เราได้ฟั งเพลง ‘เค แอล สตรีท (วันที่ฝนตก)’ ของวงนี้เราก็รู้ว่านี่แหละที่เราต้องการ” อารอน จาง ผู้จัดการทัวร์ เผยถึงเหตุผลที่เลือกวงอินสไปเรทีฟมาเล่นสดที่จีน ในการสัมภาษณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย เพลงของอินสไปเรทีฟอาจมีข้อจำ�กัดทางการตลาดในตลาดดนตรีป๊ อปมหาชน จากความยาวของเพลง และการเป็ น ดนตรีเน้นบรรเลงไม่เน้นเนื้อร้อง เนื้อหาที่มีเรื่องราวในเชิงนามธรรม รวมไปถึงทุนในการออกสู่ช่องทางโปรโมท “ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าแนวนี้เป็ นโพสต์ร็อก ไม่ได้รู้จักมาก แต่พอมีเพื่อนคนหนึ่งเอาเพลงของ “ซิกูร์ รอส” มาให้ฟั ง คือ ฟั งแล้วตายเลย ก็เลยลองทำ�เพลงแบบนั้นดู และมีดีเจจากเยสอินดี้ ชวนทำ�เพลงในอัลบั้มคอมพิเลชัน รวมเพลงจากหลายคน” นพนันท์ เผยที่มาของการทำ�เพลง และจากจุดนั้นเขาประกาศ
ปะการังฟอกขาว เกิดจากภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตขอ สาหร่ายซูแซนเทลลี เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป มีน้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มของน้ำทะเลลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไหลพัดพามา จากชายฝั่ง หรือแม้แต่มลพิษที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ของมนุษย์
โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ค่อยๆ มีวิวัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ แรกเริ่มจากสิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เซลล์เดียวอาศัยอยู่ในน้ำ อาศัยอาหารที่ถู สังเคราะห์ขึ้นมาก่อน เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการแย่งชิง และอยู่รอด จึงถือกำเนิดพืชซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากสาหร่าย สีเขียว โดยมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงจากการอยู่ในน้ำขึ้นมาอยู่บนบกแล้วจึงมีวิวัฒนาการต่อมาตามลำดับเป็นพืชที่มีท่อลำเลียง เป็นพืชที่มีเมล็ด ไม่มีเครื่องห่อหุ้ม และเป็นพืชดอกในที่สุด ส่วนสัตว์ที่มีวิวัฒนาการ เกิดขึ้นก่อนคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีวิวัฒนาการต่อมาเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง จำพวกปลา เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสัตว์เลื้อยคลาน ตามลำดับ จากนั้นจึงม วิวัฒนาการส่วนหนึ่งกลายเป็นจำพวกนก และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในที่สุด โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ค่อยๆ มีวิวัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ แรกเริ่มจากสิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เซลล์เดียวอาศัยอยู่ในน้ำ อาศัยอาหารที่ถู สังเคราะห์ขึ้นมาก่อน เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการแย่งชิง และอยู่รอด จึงถือกำเนิดพืชซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากสาหร่าย สีเขียว โดยมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงจากการอยู่ในน้ำขึ้นมาอยู่บนบกแล้วจึงมีวิวัฒนาการต่อมาตามลำดับเป็นพืชที่มีท่อลำเลียง เป็นพืชที่มีเมล็ด ไม่มีเครื่องห่อหุ้ม และเป็นพืชดอกในที่สุด ส่วนสัตว์ที่มีวิวัฒนาการ เกิดขึ้นก่อนคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีวิวัฒนาการต่อมาเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง จำพวกปลา เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสัตว์เลื้อยคลาน ตามลำดับ จากนั้นจึงม วิวัฒนาการส่วนหนึ่งกลายเป็นจำพวกนก และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในที่สุด
วิวัฒนาการจากมนุษย์สู่ลิงเริ่มจากสัตว์ในกลุ่มไพรเมตมีวิวัฒนาการแยกออกเป็นสองสาย ได้แก่ โพรซิเมียน เป็นสัตว์กลุ่มไพรเมต กลุ่มแรกๆ ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้อย่างนางอายหรือลิงลม และลิงทาร์ซิเออร์ ซึ่งไพรเมตอีกสายหนึ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์ คือ แอนโทรพอยด์ ประกอบด้วย ลิงมีหาง ลิงไม่มีหาง และมนุษย์ ซึ่งเมื่อเราย้อนกลับไปดูว่าลิงไม่มีหาง หรือเอป มีสายวิวัฒนาการจากลิงโลกเก่า แบ่งได้เป็นสี่กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ชะนี อุรังอุตัง กอริลลา และชิมแปนซี จากการศึกษาสารพันธุกรรม ทำให้เราทราบว่าเอ แอฟริกา ได้แก่ กอริลลา และชิมแพนซี นั้น มีความใกล้ชิดทางสายวิวัฒนาการกับมนุษย์มากกว่าเอปเอเชีย ได้แก่ ชะนี และอุรังอุตัง เทียบเคียงได้จากจำนวนแท่งโครโมโซมที่มีในพันธุกรรมของลิงแต่ละสายพันธุ์กับมนุษย์ วิวัฒนาการจากมนุษย์สู่ลิงเริ่มจากสัตว์ในกลุ่มไพรเมตมีวิวัฒนาการแยกออกเป็นสองสาย ได้แก่ โพรซิเมียน เป็นสัตว์กลุ่มไพรเมต กลุ่มแรกๆ ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้อย่างนางอายหรือลิงลม และลิงทาร์ซิเออร์ ซึ่งไพรเมตอีกสายหนึ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์ คือ แอนโทรพอยด์ ประกอบด้วย ลิงมีหาง ลิงไม่มีหาง และมนุษย์ ซึ่งเมื่อเราย้อนกลับไปดูว่าลิงไม่มีหาง หรือเอป มีสายวิวัฒนาการจากลิงโลกเก่า แบ่งได้เป็นสี่กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ชะนี อุรังอุตัง กอริลลา และชิมแปนซี จากการศึกษาสารพันธุกรรม ทำให้เราทราบว่าเอ แอฟริกา ได้แก่ กอริลลา และชิมแพนซี นั้น มีความใกล้ชิดทางสายวิวัฒนาการกับมนุษย์มากกว่าเอปเอเชีย ได้แก่ ชะนี และอุรังอุตัง เทียบเคียงได้จากจำนวนแท่งโครโมโซมที่มีในพันธุกรรมของลิงแต่ละสายพันธุ์กับมนุษย์
โฮโมเซเปียนส์ มีวิวัฒนาการมาจากโฮมินิดส์รุ่นเก่าที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ โดยวิวัฒนาการนั้นเกิดขึ้นหลายแห่งในโลก ซึ่งเชื่อว่าโฮโมอีเรกตัสบางกลุ่มเดินทางจากทวีปแอฟริกาผ่านไปยังดินแดนต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มสายพันธุ์นี้ได้เพิ่มจำนวนขึ้น มีลักษณะทางชีววิทยา และวัฒนธรรมแตกต่างกันไป เนื่องจากมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ หรือมีปัจจัยหลากหลายอย่างที่ทำให้เกิ วิวัฒนาการขึ้น เช่น การเลือกสรรโดยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม และการถ่ายโอนยีนกันโดยผ่านกา ผสมพันธุ์เรื่อยๆ โฮโมเซเปียนส์ มีวิวัฒนาการมาจากโฮมินิดส์รุ่นเก่าที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ โดยวิวัฒนาการนั้นเกิดขึ้นหลายแห่งในโลก ซึ่งเชื่อว่าโฮโมอีเรกตัสบางกลุ่มเดินทางจากทวีปแอฟริกาผ่านไปยังดินแดนต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มสายพันธุ์นี้ได้เพิ่มจำนวนขึ้น มีลักษณะทางชีววิทยา และวัฒนธรรมแตกต่างกันไป เนื่องจากมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ หรือมีปัจจัยหลากหลายอย่างที่ทำให้เกิ วิวัฒนาการขึ้น เช่น การเลือกสรรโดยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม และการถ่ายโอนยีนกันโดยผ่านกา ผสมพันธุ์เรื่อยๆ
โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ค่อยๆ มีวิวัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ แรกเริ่มจากสิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เซลล์เดียวอาศัยอยู่ในน้ำ อาศัยอาหารที่ถู สังเคราะห์ขึ้นมาก่อน เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการแย่งชิง และอยู่รอด จึงถือกำเนิดพืชซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากสาหร่าย สีเขียว โดยมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงจากการอยู่ในน้ำขึ้นมาอยู่บนบกแล้วจึงมีวิวัฒนาการต่อมาตามลำดับเป็นพืชที่มีท่อลำเลียง เป็นพืชที่มีเมล็ด ไม่มีเครื่องห่อหุ้ม และเป็นพืชดอกในที่สุด ส่วนสัตว์ที่มีวิวัฒนาการ เกิดขึ้นก่อนคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีวิวัฒนาการต่อมาเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง จำพวกปลา เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสัตว์เลื้อยคลาน ตามลำดับ จากนั้นจึงม วิวัฒนาการส่วนหนึ่งกลายเป็นจำพวกนก และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในที่สุด โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ค่อยๆ มีวิวัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ แรกเริ่มจากสิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เซลล์เดียวอาศัยอยู่ในน้ำ อาศัยอาหารที่ถู สังเคราะห์ขึ้นมาก่อน เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการแย่งชิง และอยู่รอด จึงถือกำเนิดพืชซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากสาหร่าย สีเขียว โดยมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงจากการอยู่ในน้ำขึ้นมาอยู่บนบกแล้วจึงมีวิวัฒนาการต่อมาตามลำดับเป็นพืชที่มีท่อลำเลียง เป็นพืชที่มีเมล็ด ไม่มีเครื่องห่อหุ้ม และเป็นพืชดอกในที่สุด ส่วนสัตว์ที่มีวิวัฒนาการ เกิดขึ้นก่อนคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีวิวัฒนาการต่อมาเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง จำพวกปลา เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสัตว์เลื้อยคลาน ตามลำดับ จากนั้นจึงม วิวัฒนาการส่วนหนึ่งกลายเป็นจำพวกนก และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในที่สุด
ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ใหม่
Environment and Creatures
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า หินที่เก็บได้จากบริเวณทะเลสาบออนแทรีโอในแคนาดา ซึ่งมีอายุประมาณสามพันล้านปี ได้พบฟอสซิลของแบคทีเรียที่มีอายุประมาณสามพันล้านปีในออสเตรเลีย ซึ่งจากหลักฐาน ที่กล่าวมานี้จึงพอสันนิษฐานได้ว่าสิ่งมีชีวิตพวกแรกที่เกิดขึ้นคือ แบคทีเรีย และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มีลักษณะเป็นเซลล์เดี่ยวๆ เกิดมาแล้วนานกว่าสามพันล้านปีในยุคพรีแคมเบรียน และเกิดขึ้นในน้ำอย่า มหาสมุทร นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า หินที่เก็บได้จากบริเวณทะเลสาบออนแทรีโอในแคนาดา ซึ่งมีอายุประมาณสามพันล้านปี ได้พบฟอสซิลของแบคทีเรียที่มีอายุประมาณสามพันล้านปีในออสเตรเลีย ซึ่งจากหลักฐาน ที่กล่าวมานี้จึงพอสันนิษฐานได้ว่าสิ่งมีชีวิตพวกแรกที่เกิดขึ้นคือ แบคทีเรีย และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มีลักษณะเป็นเซลล์เดี่ยวๆ เกิดมาแล้วนานกว่าสามพันล้านปีในยุคพรีแคมเบรียน และเกิดขึ้นในน้ำอย่า มหาสมุทร
สัตว์ดึกดำบรรพ์ทางทะเลอย่างไทรโลไบต์จัดอยู่ในไฟลัมอาร์โธรพอด ลักษณะลำตัวเป็นปล้องๆ คล้ายแมงดาทะเล ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยอยู่ตามปะการัง และโซนทะเลน้ำตื้น ซึ่งว่ายน้ำได้ในระยะสั้นๆ พบได้มากในยุคแคมเบรียน และไซลูเรียน ปัจจุบันได้สูญพันธ์ไปแล้ว
การสูญพันธุ์ในทางชีววิทยา และนิเวศวิทยา คือการสิ้นสุดของการดำรงอยู่ของสปีชีส์หรือสิ่งมีชีวิต ซึ่งทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ปัจจุบันไดโนเสาร์เหลือเพียงซากกระดูกของส่วนต่างๆ ที่เรียกว่า ฟอสซิลไดโนเสาร์ มีแนวคิดหรือสมมติฐานหลากหลายเกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ เช่น กา เปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล สภาพภูมิอากาศ และการระเบิดจากนอกโลก แต่มีสมมติฐานเพิ่มเติมที่ได้รับความสนใจคือเรื่องการพุ่งชนโลกของดาวเคราะห์น้อยที่ทำให้เกิดความมืดภายในโลก และการระเบิดของภูเขาไฟที่ที่ราบสูงเดกข่านที่รุนแรงที่สุดในโลก การสูญพันธุ์ในทางชีววิทยา และนิเวศวิทยา คือการสิ้นสุดของการดำรงอยู่ของสปีชีส์หรือสิ่งมีชีวิต ซึ่งทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ปัจจุบันไดโนเสาร์เหลือเพียงซากกระดูกของส่วนต่างๆ ที่เรียกว่า ฟอสซิลไดโนเสาร์ มีแนวคิดหรือสมมติฐานหลากหลายเกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ เช่น กา เปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล สภาพภูมิอากาศ และการระเบิดจากนอกโลก แต่มีสมมติฐานเพิ่มเติมที่ได้รับความสนใจคือเรื่องการพุ่งชนโลกของดาวเคราะห์น้อยที่ทำให้เกิดความมืดภายในโลก และการระเบิดของภูเขาไฟที่ที่ราบสูงเดกข่านที่รุนแรงที่สุดในโลก
หลุมอุกกาบาตชิกซูลุบที่จมอยู่ในอ่าวเม็กซิโกครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งของหลุมถูกกลบฝังอยู่ใต้พื้นดินของคาบสมุทรยูคาตัน ในประเทศเม็กซิโก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ขุดเจาะเอาชั้นหินในส่วนขอบวงแหวน ซึ่งเป็นส่วนที่สูงที่สุดของหลุมอุกกาบาต และ เป็นส่วนชั้นหินที่ถูกผลักออกไปไกลที่สุดจากศูนย์กลางการชนมาเป็นต้นแบบการศึกษากระบวนการเกิดสิ่งมีชีวิตบนโลก โดย ดูถึงองค์ประกอบและร่องรอยที่ชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบน้ำร้อนในชั้นหินของช่วงเวลาต่างๆ การชนโลกของอุกกาบาต ขนาดใหญ่ทำให้เกิดระบบน้ำร้อนขึ้นภายในชั้นหินที่ถูกชน โดยน้ำร้อนจะไหลเวียนแทรกซึมไปตามรอยแตกของชั้นหิน และนำพา สารเคมีต่างๆ ในชั้นหินไปด้วย ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมแบบเดียวกับที่เชื่อว่าเอื้ออำนวยให้สิ่งมีชีวิตชนิดแรกเกิดขึ้นบนโลกได้ หลุมอุกกาบาตชิกซูลุบที่จมอยู่ในอ่าวเม็กซิโกครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งของหลุมถูกกลบฝังอยู่ใต้พื้นดินของคาบสมุทรยูคาตัน ในประเทศเม็กซิโก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ขุดเจาะเอาชั้นหินในส่วนขอบวงแหวน ซึ่งเป็นส่วนที่สูงที่สุดของหลุมอุกกาบาต และ เป็นส่วนชั้นหินที่ถูกผลักออกไปไกลที่สุดจากศูนย์กลางการชนมาเป็นต้นแบบการศึกษากระบวนการเกิดสิ่งมีชีวิตบนโลก โดย ดูถึงองค์ประกอบและร่องรอยที่ชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบน้ำร้อนในชั้นหินของช่วงเวลาต่างๆ การชนโลกของอุกกาบาต ขนาดใหญ่ทำให้เกิดระบบน้ำร้อนขึ้นภายในชั้นหินที่ถูกชน โดยน้ำร้อนจะไหลเวียนแทรกซึมไปตามรอยแตกของชั้นหิน และนำพา สารเคมีต่างๆ ในชั้นหินไปด้วย ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมแบบเดียวกับที่เชื่อว่าเอื้ออำนวยให้สิ่งมีชีวิตชนิดแรกเกิดขึ้นบนโลกได้
กระบวนการไดนาโมของโลกที่เป็นต้นกำเนิดของสนามแม่เหล็กโลก โลหะหนักที่มีสถานะเป็นของเหลวที่อยู่ในแกนโลกมีการหมุนวน ทำให้เกิดสนามแม่เล็กที่เอียงจากแกนหมุนของโลก เกิดเป็นขั้วแม่เหล็กที่มีตำแหน่งบนโลก ที่สนามแม่เหล็กโลกมีทิศทางในแนวดิ่ง กล่าวได้อีกอย่างว่า ความเอียงของสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วแม่เหล็กเหนือตั้งฉากกับแกนโลก ในขณะที่ขั้วแม่เหล็กใต้มีค่าตรงข้ามกับขั้วแม่เหล็กเหนือ สนามแม่เหล็กโลกสามารถประมาณได้ว่าเป็นสนามแบบไดโพล ซึ่งไดโพลนั้น ตำแหน่งอยู่ที่ใจกลาง และเป็นแกนของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งมีกา เปลี่ยนแปลงตำแหน่งเรื่อยๆ กระบวนการไดนาโมของโลกที่เป็นต้นกำเนิดของสนามแม่เหล็กโลก โลหะหนักที่มีสถานะเป็นของเหลวที่อยู่ในแกนโลกมีการหมุนวน ทำให้เกิดสนามแม่เล็กที่เอียงจากแกนหมุนของโลก เกิดเป็นขั้วแม่เหล็กที่มีตำแหน่งบนโลก ที่สนามแม่เหล็กโลกมีทิศทางในแนวดิ่ง กล่าวได้อีกอย่างว่า ความเอียงของสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วแม่เหล็กเหนือตั้งฉากกับแกนโลก ในขณะที่ขั้วแม่เหล็กใต้มีค่าตรงข้ามกับขั้วแม่เหล็กเหนือ สนามแม่เหล็กโลกสามารถประมาณได้ว่าเป็นสนามแบบไดโพล ซึ่งไดโพลนั้น ตำแหน่งอยู่ที่ใจกลาง และเป็นแกนของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเรื่อยๆ
The most intense glacials of Gunz (MIS 16 and MIS 12) reached similar extents to those of the more recent Riss and Wurm glacials. These have not been easy to identify in the geological record of the Alps, but MIS 16 has been identified with the Don Glaciation of Eastern Europe. The strong glacial MIS 12 has been problematic, and has sometimes been identified with the Mindel glaciation, which would imply an end to Gunz already after MIS 13 (480 000 years ago). There have been five or six major ice ages in the history of Earth over the past 3 billion years. The Late Cenozoic Ice Age began 34 million years ago, its latest phase being the Quaternary glaciation, in progress since 2.58 million years ago. Within ice ages, there exist periods of more severe glacial conditions and more
Sharp Earth enables disparate language groups -Latin, Arabic, Indic, Japanese, Greek, Thai, English and various indigenous languages - to appear graphically harmonious while remaining legible and true to their origins.
From crater counts on other celestial bodies, it is inferred that a period of intense meteorite impacts, called the Late Heavy Bombardment, began about 4.1 Ga, and concluded around 3.8 Ga, at the end of the Hadean. In addition, volcanism was severe due to the large heat flow and geothermal gradient. Nevertheless, detrital zircon crystals dated to 4.4 Ga show evidence of having undergone contact with liquid water, suggesting that the Earth already had oceans or seas at that time.By the beginning of the Archean, the Earth had cooled significantly. From crater counts on other celestial bodies, it is inferred that a period of intense meteorite impacts, called the Late Heavy Bombardment, began about 4.1 Ga, and concluded around 3.8 Ga, at the end of the Hadean. In addition, volcanism was severe due to the large heat flow and geothermal gradient. Nevertheless, detrital zircon crystals dated to 4.4 Ga show evidence of having undergone contact with liquid water, suggesting that the Earth already had oceans or seas at that time.By the beginning of the Archean, the Earth had cooled significantly. Present
Z liczby kraterów na innych ciałach niebieskich wnioskuje się, że okres intensywnych uderzeń meteorytów, zwany późnym ciężkim bombardowaniem, rozpoczął się około 4,1 Ga i zakończył około 3,8 Ga na końcu Hadeanu. Ponadto wulkanizm był poważny ze względu na duży przepływ ciepła i gradient geotermalny. Niemniej jednak detrytyczne kryształy cyrkonu datowane na 4,4 Ga wykazują dowody na kontakt z ciekłą wodą, co sugeruje, że na Ziemi istniały już wówczas oceany lub morza. Na początku archaiku Ziemia znacznie się ochłodziła. Z liczby kraterów na innych ciałach niebieskich wnioskuje się, że okres intensywnych uderzeń meteorytów, zwany późnym ciężkim bombardowaniem, rozpoczął się około 4,1 Ga i zakończył około 3,8 Ga na końcu Hadeanu. Ponadto wulkanizm był poważny ze względu na duży przepływ ciepła i gradient geotermalny. Niemniej jednak detrytyczne kryształy cyrkonu datowane na 4,4 Ga wykazują dowody na kontakt z ciekłą wodą, co sugeruje, że na Ziemi istniały już wówczas oceany lub morza. Na początku archaiku Ziemia znacznie się ochłodziła. Obecny
На основании подсчета кратеров на других небесных телах можно сделать вывод, что период интенсивных ударов метеоритов, названный Поздней тяжелой бомбардировкой, начался около 4,1 млрд лет назад и завершился около 3,8 млрд лет назад, в конце Гадея. Кроме того, вулканизм был сильным из-за большого теплового потока и геотермического градиента. Тем не менее, обломочные кристаллы циркона, датированные 4,4 млрд лет, свидетельствуют о контакте с жидкой водой, что позволяет предположить, что на Земле в то время уже были океаны или моря. К началу архея Земля значительно остыла. На основании подсчета кратеров на других небесных телах можно сделать вывод, что период интенсивных ударов метеоритов, названный Поздней тяжелой бомбардировкой, начался около 4,1 млрд лет назад и завершился около 3,8 млрд лет назад, в конце Гадея. Кроме того, вулканизм был сильным из-за большого теплового потока и геотермического градиента. Тем не менее, обломочные кристаллы циркона, датированные 4,4 млрд лет, свидетельствуют о контакте с жидкой водой, что позволяет предположить, что на Земле в то время уже были океаны или моря. К началу архея Земля значительно остыла.
Από τις μετρήσεις κρατήρων σε άλλα ουράνια σώματα, συνάγεται ότι μια περίοδος έντονων κρούσεων μετεωριτών, που ονομάζεται Ύστερος Βαρύς Βομβαρδισμός, ξεκίνησε περίπου στα 4,1 Ga και ολοκληρώθηκε γύρω στα 3,8 Ga, στο τέλος του Αδαίου. Επιπλέον, ο ηφαιστειασμός ήταν σοβαρός λόγω της μεγάλης ροής θερμότητας και της γεωθερμικής κλίσης. Παρόλα αυτά, κρύσταλλοι ζιρκονίου που χρονολογούνται στο 4,4 Ga δείχνουν στοιχεία επαφής με υγρό νερό, υποδηλώνοντας ότι η Γη είχε ήδη ωκεανούς ή θάλασσες εκείνη την εποχή. Από την αρχή του Αρχαίου, η Γη είχε κρυώσει σημαντικά. Από τις μετρήσεις κρατήρων σε άλλα ουράνια σώματα, συνάγεται ότι μια περίοδος έντονων κρούσεων μετεωριτών, που ονομάζεται Ύστερος Βαρύς Βομβαρδισμός, ξεκίνησε περίπου στα 4,1 Ga και ολοκληρώθηκε γύρω στα 3,8 Ga, στο τέλος του Αδαίου. Επιπλέον, ο ηφαιστειασμός ήταν σοβαρός λόγω της μεγάλης ροής θερμότητας και της γεωθερμικής κλίσης. Παρόλα αυτά, κρύσταλλοι ζιρκονίου που χρονολογούνται στο 4,4 Ga δείχνουν στοιχεία επαφής με υγρό νερό, υποδηλώνοντας ότι η Γη είχε ήδη ωκεανούς ή θάλασσες εκείνη την εποχή. Από την αρχή του Αρχαίου, η Γη είχε κρυώσει σημαντικά. Παρόν
จากการนับปล่องภูเขาไฟบนเทห์ฟากฟ้าอื่นๆ สรุปได้ว่าช่วงที่อุกกาบาตพุ่งชนอย่างรุนแรง เรียกว่า การทิ้งระเบิดหนักตอนปลาย (Late Heavy Bombardment) เริ่มต้นประมาณ 4.1 Ga และสรุปที่ประมาณ 3.8 Ga ที่ปลายสุดของฮาเดียน นอกจากนี้ ภูเขาไฟยังมีความรุนแรงเนื่องจากมีความร้อนไหลเข้ามามากและการไล่ระดับความร้อนใต้พิภพ อย่างไรก็ตาม ผลึกเพทายที่เสียหายซึ่งมีอายุถึง 4.4 Ga แสดงหลักฐานของการสัมผัสกับน้ำของเหลว ซึ่งบ่งบอกว่าโลกมีมหาสมุทรหรือทะเลอยู่แล้วในขณะนั้น เมื่อถึงจุดเริ่มต้นของ Archean โลกก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน จากการนับปล่องภูเขาไฟบนเทห์ฟากฟ้าอื่นๆ สรุปได้ว่าช่วงที่อุกกาบาตพุ่งชนอย่างรุนแรง เรียกว่า การทิ้งระเบิดหนักตอนปลาย (Late Heavy Bombardment) เริ่มต้นประมาณ 4.1 Ga และสรุปที่ประมาณ 3.8 Ga ที่ปลายสุดของฮาเดียน นอกจากนี้ ภูเขาไฟยังมีความรุนแรงเนื่องจากมีความร้อนไหลเข้ามามากและการไล่ระดับความร้อนใต้พิภพ อย่างไรก็ตาม ผลึกเพทายที่เสียหายซึ่งมีอายุถึง 4.4 Ga แสดงหลักฐานของการสัมผัสกับน้ำของเหลว ซึ่งบ่งบอกว่าโลกมีมหาสมุทรหรือทะเลอยู่แล้วในขณะนั้น เมื่อถึงจุดเริ่มต้นของ Archean โลกก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน
من خلال تعداد الحفر على الأجرام السماوية الأخرى، يُستنتج أن فترة من التأثيرات النيزكية الشديدة، تسمى القصف الثقيل المتأخر، بدأت حوالي 4.1 مليار سنة، وانتهت حوالي 3.8 مليار سنة، في نهاية العصر الهادياني. بالإضافة إلى ذلك، كانت البراكين شديدة بسبب التدفق الحراري الكبير والتدرج الحراري الأرضي. ومع ذلك، فإن بلورات الزركون الفتاتية التي يرجع تاريخها إلى 4.4 مليار سنة تظهر دليلاً على تعرضها للتلامس مع الماء السائل، مما يشير إلى أن الأرض كانت تحتوي بالفعل على محيطات أو بحار في ذلك الوقت. وبحلول بداية العصر الأركي، كانت الأرض قد بردت بشكل ملحوظ. حاضر من خلال تعداد الحفر على الأجرام السماوية الأخرى، يُستنتج أن فترة من التأثيرات النيزكية الشديدة، تسمى القصف الثقيل المتأخر، بدأت حوالي 4.1 مليار سنة، وانتهت حوالي 3.8 مليار سنة، في نهاية العصر الهادياني. بالإضافة إلى ذلك، كانت البراكين شديدة بسبب التدفق الحراري الكبير والتدرج الحراري الأرضي. ومع ذلك، فإن بلورات الزركون الفتاتية التي يرجع تاريخها إلى 4.4 مليار سنة تظهر دليلاً على تعرضها للتلامس مع الماء السائل، مما يشير إلى أن الأرض كانت تحتوي بالفعل على محيطات أو بحار في ذلك الوقت. وبحلول بداية العصر الأركي، كانت الأرض قد بردت بشكل ملحوظ. حاضر
अन्य खगोलीय पिंडों पर क्रेटर गणना से, यह अनुमान लगाया जाता है कि तीव्र उल्कापिंड प्रभावों की अवधि, जिसे लेट हेवी बॉम्बार्डमेंट कहा जाता है, लगभग 4.1 Ga में शुरू हुई और हेडियन के अंत में 3.8 Ga के आसपास समाप्त हुई। इसके अलावा, बड़े ताप प्रवाह और भूतापीय प्रवणता के कारण ज्वालामुखी गंभीर था। फिर भी, 4.4 Ga के डेट्राइटल जिरकोन क्रिस्टल तरल पानी के संपर्क में आने का प्रमाण दिखाते हैं, जिससे पता चलता है कि उस समय पृथ्वी पर पहले से ही महासागर या समुद्र थे। आर्कियन की शुरुआत तक, पृथ्वी काफी हद तक ठंडी हो गई थी। उपस्थित अन्य खगोलीय पिंडों पर क्रेटर गणना से, यह अनुमान लगाया जाता है कि तीव्र उल्कापिंड प्रभावों की अवधि, जिसे लेट हेवी बॉम्बार्डमेंट कहा जाता है, लगभग 4.1 Ga में शुरू हुई और हेडियन के अंत में 3.8 Ga के आसपास समाप्त हुई। इसके अलावा, बड़े ताप प्रवाह और भूतापीय प्रवणता के कारण ज्वालामुखी गंभीर था। फिर भी, 4.4 Ga के डेट्राइटल जिरकोन क्रिस्टल तरल पानी के संपर्क में आने का प्रमाण दिखाते हैं, जिससे पता चलता है कि उस समय पृथ्वी पर पहले से ही महासागर या समुद्र थे। आर्कियन की शुरुआत तक, पृथ्वी काफी हद तक ठंडी हो गई थी। उपस्थित
古代になり、文字で記録や歴史が残される時代になっても、星の研究はもっぱら肉眼で行われた。しかし文明が発達するとともに、バビロニア・中国・エジプト・ギリシア・インド・中央アメリカなどで天文台が建設され、宇宙の根元についての考察が発展を始めた。ほとんどの初期天文学は、恒星や惑星の位置を記す、現在では位置天文学と呼ばれるものだった。これらの観測から、惑星の挙動に対する最初のアイデアが形成され、宇宙における太陽・月そして地球の根源が哲学的に探求された。「地球は宇宙の中心にあり、太陽・月・星々が周囲を廻っている」と考えられた。この考え方は、クラウディオス・プトレマイオスから名を取って「プトレマイック・システム (Ptolemaic System)」と呼ばれる。